ค่าครองชีพ, ที่พัก
สวิตเซอร์แลนด์แต่ละรัฐจะมีความเป็นอยู่แตกต่างกันมากเพราะระบบการปกครองไม่เหมือนกัน ค่าเช่าบ้านบางรัฐแพงจนหูตูบแต่จ่ายภาษีน้อยมาก เช่น Zug บางแห่งจ่ายราคาค่าเช่าแพงมากและภาษีก็จ่ายมาก ขนาดรัฐเดียวกันแต่คนละอำเภอยังไม่เหมือนกันเซ็งมาก ค่าเช่าบ้านจะแยกเป็น 2 อย่างแล้วแต่ที่เราเช่า บางแห่งรวมทุกอย่างไปหมด บางแห่งเราต้องมาจ่ายต่างหาก พวกค่าน้ำ ค่ำไฟ ค่าเครื่องทำความร้อน
คนสวิสไม่ใช่คนรวยตามชื่อของประเทศนะ เราทุกคนต้องปากกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอด คนสวิสจะเห็นค่าของเงินมาก แบบกว่าจะดึงออกจากกระเป๋าได้มันติดกระเป๋าไม่ยอมหลุด หรือถ้าหลุดมาได้กว่าจะจ่ายซื้อของแต่ละทีเหงื่อเปียกชุ่มไปหมด ไผไม่รู้นึกว่าหมู่เฮาขี้เหนียวไม่ใช่หรอกขืนไม่เหนียวเราเดี้ยงแน่ๆ คิดดูไหนจะเสียภาษี ,ค่าเช่าบ้าน,ประกันเจ็บป่วยผัวเมีย.ลูก Wohnung บ้านเช่าในสวิตเซอร์แลนด์จัดอยู่ในระดับได้มาตรฐานทุกอย่างทันสมัยมาก สะดวกสบายมาก ห้องครัวปัจจุบันจะมีเตาแบบ Keramik แบบใช้การสัมผัส หรือกดปุ่มบางแห่งอาจจะมีเครื่องซักผ้าเอง
ราคาบ้านหรืออพาตเม้นแพงมาก แล้วแต่เขตที่อยู่ด้วย บางแห่งแพงยิ่งกว่าทองคำ บางแห่งขนาดเป็นวิลล่ายังถูกกว่าอะพาตเม้นอีก คนสวิส ประมาณ 30% ที่สามารถหาซื้อบ้านพักที่อยู่อาศัยได้ ขนาดกินยังรัดเข็มขัดท้องกิ่ว
ตอนนี้ขนาดธนาคารลดดอกเบี้ยต่ำสุดคนยังต้องคิดหนัก การซื้อบ้านไม่เหมือนการซื้อบ้านแบบบ้านเราที่ผ่อนทุกเดือนแล้วบ้านจะเป็นของเรา ที่สวิตเซอร์แลนด์การซื้อขายจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ถ้าเราไม่จ่ายเงินสดทั้งหมดเราจะต้องนั่งเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารทุกเดือนจนเราตายจากกัน ไม่มีการหักออกทุกเดือนแล้วหมดหนี้กัน รุ่นลูกต้องจ่ายต่อถ้าไม่ขายไปเสียก่อน ธนาคารแต่ละแห่งจะคิดดอกเบี้ยไม่เท่ากัน และการซื้อขายจะแบ่งดอกเบี้ยออก เขาดูตรงราคา สภาพบ้าน เขตที่อยู่ และจะคิดดอกเบี้ยออกเป็น 2หรือ3แบบ แบบแรกจ่ายทุกเดือนหักหนี้ออกจนหมดและที่เหลือเราต้องจ่ายจนตลอดชีวิต(ดอกเบี้ยจะมากหรือน้อยแต่ละปีแล้วแต่สัญญาที่เราทำกับธนาคาร)
ยกตัวอย่างการซื้อขายบ้านหรือ Wohnungห้องเช่าคร่าวๆ
ราคาของบ้านแต่ละแห่ง และการวาง EK(Eigenkapital) อยู่ที่การตกลงกับคนขาย บางแห่งวางแค่ 10%บางแห่ง 15%บางแห่ง 20%เอาแน่ไม่ได้ หรือเราจะจ่ายมากกว่าที่เขาตั้งไว้ก็ได้ถ้าเรามีเงินพอ และดีสำหรับการส่งดอกเบี้ยธนาคารในอนาคตคือส่งน้อยลง
ยกตัวอย่างง่ายๆบ้านราคาCHF 400,000 ถ้าเขาคิด EK จำนวน 20% เราต้องวางเงินจำนวน CHF 80,000ให้คนขายและหักออกจากจำนวนราคาเรื่องการซื้อบ้านที่Switzerland ไม่เหมือนกับการซื้อบ้านที่เมืองไทยที่ส่งแต่ละเดือนจนหมดหนี้สิน ของ Switzerland การซื้อบ้าน ครั้งแรกการวาง EKแล้วแต่บ้านออก ซึ่งจะเหลือหนี้จำนวน CHF 320,000 หนี้จำนวนนี้เราไปขอกู้จากธนาคาร การคิดดอกเบี้ยของธนาคารแต่ละแห่งจะคิดดอกเบี้ยไม่เท่ากันช่วงนี้ดอกเบี้ยลดลงมาก บางแห่งไม่ถึง 2%บางแห่ง 2%กว่าๆ ทางธนาคารจะดูจำนวนเงินที่เรากู้ สภาพบ้านและดูอาชีพและความมั่นคงของคนกู้ด้วย เมื่อธนาคารตกลงเขาจะคิด
1.Portfolio-Hypothek(จำนวนปีไม่กำหนดเราจ่ายจนหมดหนี้....และดอกเบี้ย) ถ้าธนาคารเขาให้ CHF17,000 และดอกเบี้ย 4.53%(แล้วแต่ธนาคาร) เราต้องส่งไปทุกเดือนพร้อมทั้งดอกเบี้ยและการส่งจะน้อยลงไปเรื่อยๆจนหมดหนี้ ส่งแบบนี้ถ้าเราจ่ายหมดแล้วหมดหนี้สินไปเลย
2.Festhypothek อยู่ที่การทำสัญญาของเราว่าทำกับธนาคารกี่ปี ถ้าทำ 5 ปี ถ้าดอกเบี้ยเพิ่มเราโชคดีจ่ายเท่าเดิม แต่ถ้าดอกเบี้ยลดลง เราขาดทุน
เงินที่กู้มาCHF 320,000 หัก CHF 17,000 ออกจะเหลือ CHF 303,000 เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่เราจะต้องส่งเป็นดอกเบี้ยให้ธนาคารจนตาย บ้านไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา แต่ถ้าเราขายบ้านเราถึงจะได้ เงินที่วาง EK 20% ที่เราจ่ายคืนมา แต่ถ้าราคาบ้านตกเราขายลดราคาไป เราก็ขาดทุน แต่ถ้าเราขายราคาเพิ่มขึ้นเราจะได้เพิ่มนิดหน่อย
3. Amortissation ธนาคารคิด 1%(แล้วแต่ธนาคาร)ของเงินที่เรากู้ธนาคารต่อปี ธนาคารจะให้เราจ่าย 4 ครั้ง(ทุก 3 เดือน) เงินส่วนนี้นำไปลดหย่อนภาษีไม่ได้ เหตุที่เราต้องจ่ายเพราะบ้านเราเริ่มเก่าลงราคาน้อยลง เหมือนรถที่ซื้อมาราคาเริ่มตก แต่ถ้าเราซ่อมแซมหรือสร้างอะไรเพิ่มเติมในบ้านกู้เงินธนาคารใหม่ Amortissation เราไม่ต้องเสียอีกต่อไปจนกว่าธนาคารจะบอกเราใหม่ว่าจะคิด Amortissation อีกเมื่อไร
การซื้อบ้านยังไม่จบ เมื่อเรากู้ธนาคารได้แล้วเราจะต้องมี Notariat ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องผ่านบุคคลนี้จึงจะซื้อขายกันได้ Notariat จะคิดค่าทำงานAKTEN แล้วแต่ของราคาบ้านที่ซื้อขายกัน เมื่อตกลงกันได้แล้วลงชื่อพร้อมกัน การซื้อขายจึงสมบูรณ์ Notariat จะทำเรื่องส่งไปยังเขตที่อยู่เพื่อแจ้งเรื่องการซื้อขายบ้านเพื่อการคิดภาษีบ้าน การทำงานของNotariat แพงมาก การซื้อบ้านเราต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าหมื่นสวิสฟรังก์ขึ้นไป
การซื้อบ้านไม่มีใครจ่ายเงินสดเพราะถ้าเราเป็นหนี้ธนาคาร เราสามารถลดหย่อนภาษีได้ และการเช่าบ้านหรือเช่าWohnung แล้วแต่เจ้าของบางแห่งก็หยวนๆกันได้บางแห่งก็เขี้ยวมาก ถ้าดอกเบี้ยธนาคารเพิ่มขึ้น เจ้าของบางแห่งจะขยับราคาเช่าสูงขึ้น บางแห่งเท่าเดิมอาจจะเพราะคิดNK เอาไว้มากแล้ว แต่ถ้าดอกเบี้ยธนาคารลดลงเขาก็ลดราคาค่าเช่าให้ บางแห่งจะถือโอกาสไม่ลดให้เรา ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องยื่นเรื่องขอเงินคืน
การซื้อบ้านเหมาะสำหรับคนมีลูกที่ยังเล็กอยู่ แต่ค่าใช้จ่ายสูงมากไม่ว่าอะไรทุกอย่าง เราต้องออกเองหมดคนเดียว ดีตรงที่เป็นอิสระเท่านั้น แต่ถ้าคิดถึง NK (รวมทุกอย่าง) แล้วหน้ามืดมาก แต่ถ้าแก่แบบป้า หรือคนแก่ที่ลูกเต้าไม่อยู่ด้วยซื้อWohnung ดีที่สุดและต้องดูว่าไกลจากชุมนุมชนไม ถ้าแก่เดินกระโดกกระเดกกว่าจะซื้อของได้เป็นลมคาร้านเสียก่อนอย่าเอา ภาษีบ้านแล้วแต่เขตที่อยู่บางแห่งจะถูกมาก บางแห่งจะแพงแล้วแต่รัฐที่อยู่